การดำเนินการเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
หมวด 30 สารออกซิไดส์ : ไวต่อความร้อนและการปนเปื้อน
OXIDIZING SUBSTACES : HEAT AND CONTAMINATION SENSITIVE
อัคคีภัยหรือการระเบิด
- เมื่อเกิดเพลิงไหม้สารนี้จะเร่งเพลิงไหม้ให้รุนแรงขึ้น
- อาจเกิดการระเบิดได้จากความร้อนหรือการปนเปื้อน
- สารบางตัวจะเกิดปฏิกิริยาแล้วระเบิด กับสารไฮโดรคาร์บอน (น้ำมันเชื้อเพลิง)
- เมื่อไหม้ไฟจะเกิดก๊าซระคายเคือง กัดกร่อนและหรือเป็นพิษ
- ภาชนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน
- น้ำชะล้างอาจก่อให้เกิดอันตรายจากเพลิงไหม้หรือระเบิดได้
สุขภาพอนามัย
- การหายใจเข้าไป การกิน หรือสัมผัส (ผิวหนัง ตา)ไอระเหย ฝุ่น หรือสารนี้อาจเป็นสาเหตุให้บาดเจ็บสาหัส เกิดแผลไหม้หรือตายได้
- ฟูมหรือฝุ่นที่เป็นพิษจะสะสมอยู่ในบริเวณอับอากาศ (ชั้นใต้ดิน ถังเก็บ ภาชนะขนส่งทางรถ ฯลฯ)
- น้ำจากการควบคุมเพลิงจะทำให้เกิดปัญหาน้ำเสีย
อันตรายที่อาจเกิดขึ้น
อัคคีภัย
- กรณีเพลิงไหม้เล็กน้อย
: ห้ามใช้ผงเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์ ฮาลอน
หรือโฟมให้ใช้น้ำเท่านั้น
: สำหรับเพลิงไหม้บริเวณเก็บสินค้า ให้ใช้สายฉีดน้ำชนิดที่ ไม่ต้องใช้คนถือหรือใช้หัวฉีดที่มีระบบควบคุม ถ้าทำไม่ได้ให้ออกจากพื้นที่ปล่อยให้เพลิงไหม้ไป
: ห้ามเคลื่อนย้ายสินค้าพาหนะบรรทุก ถ้าสินค้าได้รับความร้อน
:
ถ้าไม่เสี่ยงที่ได้รับอันตรายให้เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุ
หรือหีบห่อที่ยังไม่เสียหายออกจากบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้
- กรณีเกิดเพลิงไหม้รุนแรง
: ให้ดับเพลิงด้วยน้ำจากระยะไกล
: หลังจากไฟดับแล้วให้หล่อเย็นภาชนะบรรจุด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ จนปกติ
: อย่าให้น้ำลงไปในภาชนะบรรจุ เพราะจะเกิดปฏิกิริยารุนแรง
: ห้ามยืนอยู่ทางหัวหรือท้ายของท่อหรือภาชนะบรรจุ
: กักเก็บน้ำจากการควบคุมเพลิงเพื่อนำไปบำบัดต่อไป
การหกหรือรั่วไหล
- แยกวัสดุหรือสารที่ติดไฟได้ (ไม้, กระดาษ, ผ้า, น้ำมัน ฯลฯ) ออกไปจากบริเวณที่มีการรั่วไหลของสาร
- ห้ามแตะต้องภาชนะบรรจุหรือหีบห่อที่เสียหายหรือสารที่หกนอกจากจะสวมชุดป้องกันที่เหมาะสม
- ถ้าไม่เสี่ยงต่ออันตรายให้อุดรอยรั่ว
- ป้องกันไม่ให้สารรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ, ชั้นใต้ดิน หรือบริเวณอับอากาศ
- กรณีหกรั่วเล็กน้อย
: ถ้าสารที่หกเป็นของแข็งให้ใช้เครื่องมือที่สะอาด, ไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ เก็บรวบรวมสารใส่ในภาชนะพลาสติก ที่แห้งและปิดฝาหลวม ๆ แล้วเคลื่อนย้ายออกจากบริเวณที่หกรั่วไหล
: ถ้าสารที่หกเป็นของเหลว ให้ใช้สารที่ไม่ติดไฟ เช่น
เวอร์มิคูไลท์, ทราย หรือดิน ดูดซับสารและเก็บใส่ภาชนะ
เพื่อนำไปทำลาย
การปฐมพยาบาล
- นำผู้ประสบอันตรายไปยังที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าไม่หายใจให้ผายปอดหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ถ้าหายใจลำบากต้องให้ออกซิเจน
- ถอดเสื้อผ้า รองเท้าที่เปรอะเปื้อนสารออกทันที ในกรณีที่สารสัมผัสผิวหนัง, ตา ให้ล้างโดย ให้น้ำไหลผ่าน อย่างน้อย 15 นาที
- รักษาร่างกายของผู้ประสบอันตรายให้อบอุ่น แล้วรีบนำส่งแพทย์
- ผู้ปฐมพยาบาลต้องทราบถึงคุณสมบัติของสารและระมัดระวังเพื่อป้องกันตนเอง
ความปลอดภัยต่อสาธารณะ- ให้กั้นแยกบริเวณที่มีการหกรั่วไหลของสารโดยทันทีอย่างน้อย 15-25 เมตร โดยรอบควรอยู่ เหนือลมและให้บุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องออกไปจากบริเวณนี้
- อย่าอยู่ในบริเวณพื้นที่ต่ำ
- ให้ระบายอากาศในบริเวณอับอากาศก่อนเข้าไป
ชุดป้องกันอันตราย
- สวมเครื่องช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศและชุดป้องกันสารเคมี
- ชุดผจญเพลิงทั่วไปสามารถป้องกันได้ในขีดจำกัด
การอพยพ
- กรณีหกรั่วไหลมาก
: ให้อพยพผู้คนที่อยู่ใต้ลมออกไปเป็นอันดับแรก อย่างน้อย 250 เมตร
- กรณีเกิดอัคคีภัย
: เมื่อเพลิงไหม้ภาชนะบรรจุขนาดใหญ่ (รวมถึงภาชนะขนส่งทางรถไฟและรถยนต์)
ในขั้นต้นให้อพยพผู้คนให้ห่างออกไป
อย่างน้อย 1000 เมตรโดยรอบ