International  Maritime  Organization (IMO)
ได้จัดสินค้าอันตราย(Dangerous Goods Code)
เพื่อจุดประสงค์ในการขนส่งสินค้าอันตรายทางทะเลให้ทราบว่าเป็นวัตถุอันตรายประเภทใด
แบ่งออกเป็น 9 ประเภทและมีฉลากหรือสัญลักษณ์ของวัตถุอันตรายดังนี้


ประเภทที่ 1  วัตถุระเบิด  (Explosives) 


 

  เป็นวัตถุที่สามารถระเบิดได้ เมื่อได้รับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ หรือเมื่อเกิดการเสียดสี กระทบกระเทือน หรือถูกกระทำโดยตัวจุดระเบิด 
แยกเป็น  5  ประเภทย่อย คือ

1.1 วัตถุหรือสิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน 


1.2 วัตถุหรือสิ่งของซึ่งอาจก่ออันตรายโดยการกระจายของสะเก็ดระเบิดแต่
มิใช่โดยระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน 


1.3 วัตถุหรือสิ่งของที่อาจก่ออันตรายโดยเปลวไฟพร้อมกับอันตรายจาก
การระเบิดบ้างเล็กน้อย แต่มิใช่จากการระเบิดอย่างรุนแรงฉับพลัน   

  1.4 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ก่ออันตรายมากนักอาจติดไฟได้หรือประทุได้
ในระหว่างการขนส่ง   

  1.5 วัตถุหรือสิ่งของที่ไม่ไวต่อการระเบิด จนโอกาสที่จะระเบิดนั้นมีน้อย หรือการ
เปลี่ยนขั้นจากการลุกไหม้เป็นการจุดระเบิดมีน้อยในขั้นการขนส่งปกติ แต่ถ้ามีการ
ขนส่งเป็นจำนวนมากก็ทำให้การไหม้นั้น นำไปสู่การระเบิดได้   
  1.6 วัตถุซึ่งไม่ไวเป็นอย่างยิ่งต่อการเกิดอันตรายโดยการระเบิด โอกาสที่จะเกิด
อุบัติเหตุหรือการกระจายของวัตถุมีน้อยมาก

ตัวอย่าง  เช่น ดินปืน,กระสุนปืน,ลูกระเบิด,Nitrocellulose,Liquid Nitroglycerine,Dynamite,Ammonium dichromate,Ammonium nitrateที่มีส่วนผสมของวัตถุที่เผาไหม้ได้เกิน 0.2%(UN.0222,0223)


ประเภทที่ 2 ก๊าซ  (Gases)


  เป็นวัตถุที่อยู่ในสภาพก๊าซอัดภายใต้ความดัน  หรือ ก๊าซที่ผสมกับตัวทำละลาย
(solvent) ที่อัดภายใต้ความดัน ซึ่งอาจมีคุณสมบัติอื่นที่เป็นอันตรายด้วย เช่น
ไวไฟ เป็นก๊าซพิษ เป็นก๊าซที่ช่วยในการเผาไหม้ หรือเป็นก๊าซที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
บางชนิดเป็นก๊าซเฉื่อย บางชนิดสามารถทำให้ผู้ที่สูดดมเกิดอาการง่วงซึม 
และบางชนิดเมื่อเผาไหม้จะทำให้เกิดพิษสูงขึ้น  ก๊าซทุกชนิดที่หนักกว่าอากาศ
หากปล่อยให้สะสมอยู่ในบริเวณที่ต่ำจะมีอันตรายสูง
เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บและขนส่งให้เกิดความปลอดภัย จึงได้มีการแบ่งออก
เป็น  3  ประเภทย่อย  คือ

2.1 ก๊าซไวไฟ (Flammable  gases)  เป็นก๊าซที่ติดไฟได้ง่ายเมื่อได้รับความร้อน หรือมีเปลวไฟ ก๊าซประเภทนี้ได้แก่ Acetylene,Bromotrifluoroethylene,Butadienes,Cychlobuthane,
1,1-Difluoroethylene,Dimethyl ether,Ethane,Ethylamine,
Ethyl  chloride,Ethyl  fluoride,Ethylene,Hydrogen,Methane,
Butane เป็นต้น    

 

 

 

2.2 ก๊าซไม่ติดไฟไม่เป็นพิษ ภายใต้ความดัน (Non-flammable,Non-toxic  gases) เป็นก๊าซที่อาจเกิดการระเบิดได้หากถูกกระแทกอย่างแรง
ตัวอย่าง เช่น อากาศภายใต้แรงดัน(Air compressed),Argon,Carbon dioxide,Chlorodifluoromethane,Chloropentafluoroethane,
Dichlorodifluoromethane,Ammonia solutionความหนาแน่นน้อยกว่า
0.880 ที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ในน้ำ (35%-50%Ammonia)
สำหรับก๊าซออกซิเจน(ชนิด compressed)และก๊าซออกซิเจน
(refrigeratedliquid)มีคุณสมบัติที่เป็นวัตถุออกซิไดซ์ด้วย ดังนั้นจึงมีสัญลักษณ์บนฉลากเป็นประเภท 2.2 และ 5.1

 

 

 

 

 

2.3 ก๊าซพิษ  (Toxic   gases)  เป็นก๊าซที่เมื่อสูดดม หรือหายใจเข้าไปจะเป็น
อันตรายต่อสุขภาพและอาจทำให้เสียชีวิตได้ 
ก๊าซพิษหลายชนิดมีคุณสมบัติที่เป็นอันตรายได้หลายอย่าง  ดังนั้นหีบห่อหรือ
ภาชนะบรรจุจะมีฉลากระบุเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ความเป็นอันตรายรองอื่นๆ
เพิ่มเติมไว้ด้วยเช่น คุณสมบัติเป็นก๊าซพิษและกัดกร่อน ก็จะเป็นดังรูปตัวอย่าง

    รูปตัวอย่าง

ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ  (Flammable  liquids)

เป็นของเหลว   หรือของเหลวผสมหรือของเหลวที่มีสารแขวนลอยผสมอยู่ เช่น
สี แลคเกอร์ วานิช เป็นต้น ของเหลวเหล่านี้จะให้ไอระเหยที่ไวไฟสามารถติดไฟได้
ที่อุณหภูมิ  61  องศาเซลเซียส (141° F ) c.c.* หรือที่อุณหภูมิต่ำกว่า 


แบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

 

 

 

 

 

 

   

3.1 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส (0° F) c.c.*
ได้แก่กาว(Adhesives)ที่มีของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟต่ำผสม,
Allyl chloride,Amyl nitrate,Hexane,Methyl  formate,
Chlorobuthanes,Cychlohexene,Diethylamine,
Diethyl ether เป็นต้น

   

3.2 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟปานกลาง ระหว่าง -18 องศาเซลเซียส(0° F) c.c.* 
ถึง 23 องศาเซลเซียส c.c.* เช่นกาว(Adhesives)ที่มีจุดวาบไฟปานกลางผสม ,Acetone oil,Allyl   acetate,Allyl  alcohol,Allyl  bromide,Isobutyl acetate,Benzene,2-bromobutane เป็นต้น

   

3.3 ของเหลวที่มีจุดวาบไฟสูง โดยมีจุดวาบไฟ 23 องศาเซลเซียส(73° F) c.c.*
ถึง 61 องศาเซลเซียส(141° F
) c.c.*
 เช่น  Bromobenzene,Buthyl  acetate,Chlorobenzene 
,Cyclohexylamine,Styrene  monomer,Ethyl  alcohol,Solvent, Xylene เป็นต้น

* หมายเหตุ* : c.c.* = CLOSED  CUP 

ประเภทที่ 4 ของแข็งไวไฟ สารที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง 
และสารที่สัมผัสกับน้ำแล้วทำให้เกิดก๊าซไวไฟ
 
 (Flammable  Solids,  Substances  Liable  to  spontaneous   combustion,  Substances  whice  in  contact  with   water  emit  flammable  gases) 

วัตถุที่จัดไว้ในประเภทนี้ เป็นวัตถุที่เป็นอันตราย อาจเป็นสาเหตุ
ให้เกิดอัคคีภัยได้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ

 

   

4.1   ของแข็งไวไฟ  (Flammable  Solids) ของแข็งประเภทนี้ติดไฟได้ง่าย เป็นอันตรายเมื่ออยู่ใกล้กับแหล่งที่ทำให้เกิดการติดไฟ ได้แก่ บริเวณที่มีประกายไฟ
และเปลวไฟทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ หากมีการเสียดสี ก็สามารถ
ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ เช่น ไม้ขีดไฟ,การบูน (Camphor),Celluloid,
ผงกำมะถัน,Phosphorus trisulfide,Hexamethylenetetramine,
เศษยาง ชิ้นส่วนเล็กๆของยาง ลักษณะเป็นเม็ด หรือผงผงอลูมิเนียม(ชนิดเคลือบ)
เป็นต้น

 

 

 

4.2 วัตถุที่อาจจะลุกไหม้ได้เอง (Substances Liable to Spontaneous 
Combustion)   เป็นของแข็งที่สามารถให้ความร้อนและลุกไหม้ได้เอง หรือให้
ความร้อนสูงเมื่อสัมผัสกับอากาศทำให้เกิดการลุกไหม้ได้
 เช่น Aluminum alkyl,Activated carbon,Carbon black,
Potassium hydrosulfite(anhydrous),Sodium  sulfide(anhy
drous),ผงอลูมิเนียม(ชนิดpyrophoric) เป็นต้น

 

 

 

 

 

 

4.3  วัตถุที่สัมผัสกับน้ำแล้วให้ก๊าซไวไฟ(Substances  whice  in  contact  with  water  emit  flammablegases)
วัตถุนี้เมื่อสัมผัสกับน้ำแล้วให้ก๊าซไวไฟในปริมาณที่เป็นอันตราย ในบางกรณี
ก๊าซนี้สามารถจุดติดไฟได้เอง เช่น โลหะผสม(Alkali-earth metal),
Aluminum carbide,Barium,Calcium,Calcium silicide,
Phosphorus pentasulphide (ชนิดปราศจากฟอสฟอรัสขาวหรือเหลือง)
จะใช้สัญลักษณ์ประเภท 4.3 และ 4.1

 

หมายเหตุ : วัตถุที่เป็น ชนิด pyrophoric เช่น ของแข็งหรือของเหลวใดๆ
ที่สามารถจุดติดไฟได้เองในบรรยากาศที่มีอุณหภูมิประมาณ 54.4 องศาเซลเซียส


ประเภทที่ 5 วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ 
  (Oxidizing  substances  and  Organic peroxides)
 

 

 

  แยกเป็น 2 ประเภทย่อย คือ

5.1   วัตถุออกซิไดซ์ (Oxidizing substances)หมายถึงวัตถุที่สามารถให้
ออกซิเจนออกมาโดยที่วัตถุนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดการเผาไหม้หรือเป็นวัตถุที่ทำให้เกิด
ขบวนการ oxidationในลักษณะที่คล้ายกันทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
ไฟไหม้ต่อวัตถุอื่นที่วางไว้ใกล้เคียง  และมีความรุนแรงยิ่งขึ้น
 เช่น Aluminum nitrate,Ammonium nitrate ชนิด A(UN 2067,
2068,2059,2070,2426),ผงฟอกขาว(Bleaching powder),Calcium chlorate,Calcium chloride,Calcium hypochloride(solid),
Calcium hypochloride (solution),Chromic nitrate,Chromium nitrate,Hydrogen peroxide solution 8-20%,Sodium nitrate
 เป็นต้น
     วัตถุออกซิไดซ์บางชนิดมีคุณสมบัติที่สำคัญอื่นๆด้วยเช่น Barium chlorate,
Barium bromate,Barium nitrate,Chromium trioxide(anhydrous),
Lead chlorate,Bromine pentafluoride,Bromine trifluoride

 

 

 

 

 

5.2   วัตถุอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Organic peroxides) เป็นวัตถุอินทรีย์
ที่มีโครงสร้างออกซิเจน  2 ตัว และอาจถือได้ว่าเป็นอนุพันธ์ของ   Hydrogen peroxide  ซึ่งอะตอมของ  Hydrogen 1   หรือทั้ง  2 อะตอม   ถูกแทนที่ด้วย อนุมูลของสารอินทรีย์  วัตถุนี้ไม่เสถียรสามารถสลายตัวให้ความร้อน
รวดเร็วได้ด้วยตัวเองและอาจมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
ดังต่อไปนี้


         - แนวโน้มที่จะระเบิดสลายตัว

         -  เผาไหม้อย่างรวดเร็ว

         - ไวต่อการกระแทก หรือการเสียดสี

         - ทำปฏิกิริยากับสารอื่นก่อให้เกิดอันตรายได้

         - เป็นอันตรายต่อตา

การที่วัตถุ Organic peroxides มีแนวโน้มที่จะให้ความร้อนออกมาในขณะทีอุณหภูมิในขณะนั้นปกติหรือในขณะที่ได้รับอุณหภูมิ
ที่เพิ่มขึ้นนั้น การสลายตัวสามารถเกิดจากความร้อน การสัมผัสกับสิ่งสกปรก(เช่น มีการเจือปนของกรด,สารประกอบโลหะหนัก
หรือพวก amine) เกิดจากการเสียดสี หรือการกระแทก การสลายตัวนี้นำไปสู่อันตราย หรือการไวไฟมีก๊าซหรือไอระเหยต่างๆ 
ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมในขณะขนส่ง การทำให้เจือจางด้วยตัวทำละลายที่เหมาะสม ตลอดจนควบคุมในเรื่องบรรจุภัณฑ์หีบห่อ
ที่เหมาะสมอีกด้วย ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้วัตถุนี้สัมผัสถูกตา เนื่องจากบางชนิดจะทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อแก้วตา และกัดเนื้อเยื่อตา
และผิวหนังได้

ตัวอย่างวัตถุประเภทนี้ได้แก่
่Methyl Ethyl Ketone Peroxide,Cyclohexanone Peroxide,Methyl Isobutyl Ketone Peroxide,Asenyl 
acetone Peroxide เป็นต้น 



ประเภทที่  6   วัตถุมีพิษและวัตถุติดเชื้อ  (Toxic  and   Infectious  Substances) 

  แยกเป็น  2   ประเภทย่อย  คือ

 

 

6.1  วัตถุมีพิษ(Toxic  Sustances)
วัตถุเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตหรือทำให้เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรงเมื่อ
เข้าสู่ร่างกายโดยสัมผัสกับผิวหนัง หรือหายใจ หรือกลืนกินเข้าไป
วัตถุมีพิษเกือบทุกชนิดจะให้ก๊าซพิษ เมื่อถูกเผาไหม้หรือได้รับความร้อน
ก็เกิดการสลายตัวและบางชนิดนั้นนอกจากจะมีพิษแล้ว ยังมีคุณสมบัติ ที่เป็นอันตรายอื่นๆอีกด้วย
ตัวอย่าง
Arsenic,Arsenic trioxide,Arsenic trichloride,Arsenic tribromide
,Barium cyanide,Chloronitrobenzene,Potassium cyanide,
Dichloromethane,Barium chloride,Copper cyanide,
Sodium cyanide,Sodiumsilicofluoride,Aniline

   

 

6.2   วัตถุติดเชื้อ  (Infectious  Substances ) เป็นวัตถุที่มีเชื้อจุลินทรีย์ 
( Micro  organism) อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์และสัตว์ 
โดยมีข้อสังเกต 2 ประการคือ

   ประการที่ 1จุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมแล้วไม่เป็นไป
ตามคำจำกัดความของวัตถุประเภท 6.2 ควรจะจัดให้อยู่ในประเภทที่ 9

  ประการที่ 2 พิษของจุลินทรีย์ (Toxins) ที่ไม่เป็น หรือมีสารติดเชื้อควรพิจารณา
ให้อยู่ในประเภท 6.1 กำหนดตาม UN. 3172 ซึ่งเป็น Toxin ที่สกัดจากสิ่งมีชีวิต


 

ประเภทที่  7   วัตถุกัมมันตรังสี (Radioactive   material)   

 

หมายถึง    วัตถุที่สลายตัวแล้วให้รังสีออกมามากกว่า 0.002 ไมโครคิวรีต่อ น้ำหนัก
ของวัตถุนั้น 1 กรัม หรือ 70 k Bq/kg.รังสีนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเราสามารถ
รับรังสีได้ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย  เช่น เมื่ออยู่ในบริเวณที่ใกล้วัตถุกัมมันต
รังสีและได้สัมผัสกับรังสีที่ออกมา หรือการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนของสาร
รังสีเข้าไป คุณสมบัติของวัตถุกัมมันตรังสีมี 2 ลักษณะ คือ
     - ให้ความร้อนและทำให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรง
     - สามารถแตกตัวให้ไอโซโทป เช่น พลูโตเนียม-238,พลูโตเนียม-239,
พลูโตเนียม-241,ยูเรเนียม-233,ยูเรเนียม-235  หรือวัตถุใดๆที่มีสารไอโซโทป
เหล่านี้อยู่ จัดเป็นวัตถุกัมมันตรังสี เช่น เรเดียม,ยูเรเนียม เป็นต้น

 


ประเภทที่   8  วัตถุกัดกร่อน  (Corrosives   Substances)

 

 

เป็นวัตถุที่มีคุณสมบัติโดยทั่วไปแล้วสามารถทำลายเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตได้
ทั้งที่ให้ความรุนแรงและไม่มีความรุนแรง ดังนั้นวัตถุในประเภท 8 หากรั่วไหล
ออกจากภาชนะบรรจุ อาจทำลายสินค้าหรือสารเคมีที่วางไว้ไกล้เคียงได้ วัตถุกัดกร่อน บางชนิดมีไอระเหยที่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อจมูกและตา
 ตัวอย่าง เช่น

Aluminum bromide(anhydrous),Sulfuric acid,Phosphoric acid,
Nitric acid,Sodium hydroxide,Potassium hydroxide,
Acetic acid(glacial)

 

 

 


ประเภทที่   9  วัตถุอันตรายต่างๆที่อยู่นอกเหนือจากทั้ง 8 ประเภทข้างต้น (Misellaneous dangerous   substances  and  articles)
  หมายถึง   วัตถุและสิ่งของที่มีความเป็นอันตราย   ซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ถึง
ประเภทที่ 8  และให้รวมถึงสารที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส
ในสภาพของเหลว หรือมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 240   องศาเซลเซียส ในสภาพ
ของแข็ง เช่น  ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรทชนิด B (UN.2071),Asbestos,
Zinc hydrosulfite,PBC's เป็นต้น

 

 

 

 

 

เอกสารอ้างอิง : International Maritime Dangerous Goods Code,International Maritime Organization,
                        London,1996.
                      : คุณยุวรี  ถี่ถ้วน นักวิทยาศาสตร์ 8

เรียบเรียง : สุธี  ไชยเสนา


Labelling symbols used in the European Union, in European Economic Area and selected other countries.

สัญลักษณ์สินค้าอันตรายที่ใช้ในสหภาพยุโรป หรือ EU
(หมายเหตุ : ส่วนใหญ่ใช้ติด Consumer  Products)

E
Explosive
Explosives
วัตถุระเบิด

 

O
Oxidizing
Oxidizing
วัตถุออกซิไดซ์

 

F
Highly flammable
Highly flammable
วัตถุไวไฟสูง

F+
Extremely flammable
Extremely flammable
วัตถุไวไฟสูงมาก

T
Toxic
Toxic
วัตถุมีพิษ
 

T+
Toxic
Very toxic
วัตถุมีพิษรุนแรง
 

Xn
Harmful
Harmful
วัตถุอันตราย

Xi
Irritant
Irritant
วัตถุระคายเคือง
 

C
Corrosive
Corrosive
วัตถุกัดกร่อน

N
Dangerous for environment
Dangerous for environment
วัตถุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม

เรียบเรียง : สุธี  ไชยเสนา
Link  reference more... 


NFPA Chemical Hazard Label
สัญลักษณ์ตามมาตรฐาน NFPA


รูปสัญลักษณ์ ความหมายของสีต่างๆ ความหมายตัวเลข,อักษรพิเศษ

 ความไวไฟ

0= ไม่ติดไฟ
1= สูงกว่า 93 องศาเซลเซียส
2= ต่ำกว่า 93 องศาเซลเซียส
3= ต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียส
4= ต่ำกว่า 22 องศาเซลเซียส

 สุขภาพ

0= ปลอดภัย
1= อันตรายน้อย
2=อันตรายปานกลาง
3=อันตรายสูง
4=อันตรายถึงตาย

 ความไวในปฏิกิริยา

0=เสถียร
1=ไม่เสถียรถ้าโดนความร้อน
2=ปฏิกิริยาเคมีรุนแรง
3=ความร้อนและการกระแทกอาจเกิดการระเบิด
4=ระเบิดได้

 ข้อมูลพิเศษ

OXY=ออกซิไดเซอร์
ACID=กรด
COR=กัดกร่อน
ALK=ด่าง
W = ห้ามผสมน้ำ

เรียบเรียง : สุธี  ไชยเสนา
Link reference more...


 

KEMLER CODE

 
    Link more...

จากตัวอย่างสารเคมีนี้คือ PETROL or GASOLINE  
หมายเลข UN = 1203 เป็นของเหลวไวไฟมาก 
การกำหนดเลขต่างๆ รายละเอียด...

ขนาดป้าย 400 x 300 mm.ขอบสีดำ 15 mm.พื้นสีส้ม
ตัวเลขมีความกว้าง 15mm.และความสูง 100 mm. 


ใช้ติด 
    1.กรณีรถขนสินค้าอันตรายแบบแทงค์ที่ติดตรึงกับตัวรถ(Fixed tanks)ให้ติดป้ายไว้ที่ด้านข้างตามความยาวทั้งสองด้านและด้านหลัง
       รถบรรทุก

    2.รถบรรทุก Tank container หรือ Bulk ให้ติดป้ายดังข้อ 1 แต่อนุโลมให้ใช้แผ่นป้ายที่สามารถลอกออกได้ (สติ๊กเกอร์)

    
หมายเหตุ : ขนาดป้ายตามหลักเกณฑ์ใน   UN-RECOMMONDATIONS (UN-CODE)

 


กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535

ข้อ ๑๙  ผู้ได้รับใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออกและมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายซึ่งทำการขนส่งวัตถุอันตราย ต้องจัดให้มี  

                         ()  ยานพาหนะที่เหมาะสมและปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตราย

                        ในกรณีที่ต้องบรรทุกวัตถุอันตรายรวมกับสิ่งอื่น ต้องแยกวัตถุอันตรายไว้เป็นส่วนหนึ่งต่างหาก โดยให้มีสิ่งห่อหุ้มเพื่อป้องกัน
มิให้วัตถุอันตรายหกหรือรั่วไหล ถ้าภาชนะบรรจุเกิดแตกหักหรือชำรุด

                        ในกรณีที่มีการติดตรึงภาชนะเก็บวัตถุอันตรายกับตัวยานพาหนะ ถ้าเป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกต้องได้รับ
การตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบกถ้าเป็นเรือตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยต้องได้รับการตรวจสอบจากกรมเจ้าท่า

                          ()  สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายแสดงคุณสมบัติของวัตถุอันตรายที่ทำการขนส่งรวมทั้งคำว่า วัตถุอันตรายเป็นอักษรสีแดงเห็นได้ชัดเจน ติดไว้ข้างยานพาหนะทั้งสองข้าง

                           ()  เครื่องป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะและอุปกรณ์สำหรับป้องกันอุบัติเหตุ
ที่อาจเกิดขึ้นจากการหกหรือรั่วไหลของวัตถุอันตราย

                           ()  เอกสารแสดงข้อมูลความปลอดภัยของวัตถุอันตรายที่ทำการขนส่ง เพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานหรือพนักงาน
เจ้าหน้าที่ในขณะที่ขนส่งในกรณีที่มีการขนส่งวัตถุอันตรายเกินหนึ่งพันกิโลกรัมหรือหนึ่งพันลิตร

                            ()  ผู้ขับขี่ยานพาหนะซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่ทำการขนส่ง โดยผ่านการฝึกอบรมการป้องกันและระงับ
อันตรายจากวัตถุอันตราย

                             ()  บริเวณที่จอดยานพาหนะเพื่อการขนส่งต้องกว้างขวางเพียงพอที่จะไม่ก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือเป็นอุปสรรค
ต่อการสัญจรของสาธารณชน ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงขนาดของกิจการ ลักษณะของภาชนะบรรจุ ปริมาณ และวัตถุอันตรายที่ทำการขนส่ง 
ในกรณีที่มีการสูบถ่ายหรือแบ่งบรรจุวัตถุอันตรายในบริเวณที่จอดยานพาหนะ ต้องมีอุปกรณ์สูบถ่าย ระบบการป้องกันอันตรายจากการหก
หรือรั่วไหล และระบบป้องกันอัคคีภัยที่เหมาะสม

                        บทบัญญัติในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่การขนส่งวัตถุอันตรายที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับจำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค

* หมายเหตุ : อยู่ในกฎกระทรวง(พ.ศ.2537) หมวด 4 หน้าที่ของผู้ได้รับอนุญาต


พ.ร.บ.ขนส่งทางบก


ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522

มาตรา 94 ใบอนุญาตสำหรับผู้ประจำรถ มี 4 ประเภท คือ

(1) ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ

(2) ใบอนุญาตเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร

(3) ใบอนุญาตเป็นนายตรวจ

(4) ใบอนุญาตเป็นผู้บริการ

ใบอนุญาตแต่ละประเภทจะใช้สับเปลี่ยนกันไม่ได้เว้นแต่ใบอนุญาตประเภทที่หนึ่งประเภทที่สามและประเภทที่สี่ใช้เป็น
ใบอนุญาตประเภทที่สองได้

มาตรา 95* ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถมีดังนี้

(1) ชนิดที่หนึ่ง ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันไม่เกินสามพันห้าร้อยกิโลกรัม
ที่มิได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกินยี่สิบคน

(2) ชนิดที่สอง ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักรถและน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าสามพันห้าร้อยกิโลกรัม
ที่มิได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารเกินยี่สิบคน

(3) ชนิดที่สาม ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถซึ่งโดยสภาพใช้สำหรับลากจูงรถอื่นหรือล้อเลื่อนที่บรรทุกสิ่งใด ๆ บนล้อเลื่อนนั้น

(4) ชนิดที่สี่ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายตามประเภทหรือชนิดและลักษณะการบรรทุกตามที่
อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาใบอนุญาตแต่ละชนิดใช้สับเปลี่ยนกันไม่ได้ เว้นแต่ใบอนุญาตชนิดที่สอง
ชนิดที่สาม และชนิดที่สี่ใช้เป็นใบอนุญาตชนิดที่หนึ่งได้ ใบอนุญาตชนิดที่สามและชนิดที่สี่ใช้เป็นใบอนุญาตชนิดที่สองได้ และใบอนุญาตชนิดที่สี่ใช้เป็นใบอนุญาตชนิดที่สามได้

มาตรา 96 ผู้ขอรับใบอนุญาตปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ประจำรถตามมาตรา 93 ในประเภทการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง หรือการขนส่งโดยรถขนาดเล็กต้องมีคุณสมบัติและลักษณะดังต่อไปนี้

(1) มีสัญชาติไทย

(2) มีความรู้และความสามารถตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

(3) ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความเหมาะสม

(4) ไม่เป็นผู้วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

(5) ไม่เป็นผู้มีโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจ

(6) ไม่เป็นผู้ติดสุรายาเมาหรือยาเสพติดให้โทษ


ข้อควรจำ
  *ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกสามารถใช้แทนใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
   และใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้
*ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกสามารถใช้แทนใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
   ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้

อายุของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ
1. ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ
     - ส่วนบุคคลชนิดที่ 1 ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
     - ส่วนบุคคลชนิดที่ 2 และชนิดที่ 3 ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
     - ส่วนบุคคลชนิดที่ 4 ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี
     - ทุกประเภทชนิดที่ 1, ชนิดที่ 2, ชนิดที่ 3 และชนิดที่ 4 ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี

2. ใบอนุญาตเป็นผู้เก็บค่าโดยสาร ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี

3. ใบอนุญาตเป็นผู้บริการ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี


ลักษณะของรถบรรทุกวัตถุอันตราย ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก

รถที่บรรทุกวัตถุอันตรายทั้ง  9  ประเภทนี้   ผู้ประกอบการขนส่งต้องจัดให้มีป้ายที่แสดงตัวอักษร ภาพหรือเครื่องหมายติดไว้ด้านท้าย
รถและด้านข้างตัวรถทั้ง 2 ด้าน

ลักษณะการบรรทุกวัตถุอันตรายดังกล่าว   ที่ผู้รถที่ใช้ในการขนส่งต้องได้รับใบอนุญาตขับรถชนิดที่ 4 มีดังนี้

1. รถบรรทุกวัตถุอันตราย  (รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง   ลักษณะ  4  )   ที่ถังบรรทุกมีความจุเกินกว่า 1,000 ลิตร

2. รถพ่วงและรถกึ่งพ่วง  (รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง   ลักษณะ  6  และลักษณะ  7)   ที่ถังที่ใช้ในการบรรทุกเฉพาะวัตถุอันตราย   มีความจุเกินกว่า 1,000 ลิตร

และรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่ง ลักษณะอื่น ที่มีลักษณะการบรรทุกโดยนำไปใช้ในการบรรทุกวัตถุอันตราย ดังนี้

1. วัตถุอันตรายประเภทที่  1   (วัตถุระเบิด)   ประเภทที่  6   (สารพิษและสารติดเชื้อ)   และประเภทที่  7 (วัตถุกัมมันตรังสี)

2. วัตถุอันตรายที่เป็นก๊าซหรือก๊าซเหลวบรรจุในภาชนะโดยมีปริมาณรวมกันเกินกว่า 1,000 ลิตร   หรือมีน้ำหนักรวมกันเกินกว่า 1,000  ลิตร

3. วัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวที่บรรจุในภาชนะ   โดยมีปริมาณรวมกันเกินกว่า 1,000 ลิตร   หรือเป็นของแข็งที่มีน้ำหนักรวมกันเกินกว่า 1,000  กิโลกรัม   หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินกว่า   1,000 ลิตร หรือเกินกว่า 1,000   กิโลกรัม  อย่างใดอย่างหนึ่ง

ทั้งนี้ประกาศนี้มิให้ใช้บังคับแก่

1. รถที่ใช้ในการบรรทุกเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์    ที่มีภาชนะบรรจุเครื่องดื่มในแต่ภาชนะมีปริมาตรไม่เกิน   250  ลิตร

2. รถที่ใช้ลากจูงที่รถบรรทุกวัตถุอันตรายตามประกาศนี้   ในกรณีที่รถบรรทุกวัตถุอันตรายนั้นไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติหรือเกิดอุบัติเหตุ

3. รถที่ใช้ในการขนส่งวัตถุอันตรายอื่น   นอกจากที่กำหนดไว้ในข้อ 1   และข้อ 2   ที่ได้รับยกเว้นตามเอกสารคำแนะนำของสหประชาชาติ   ว่าด้วยการขนส่งสินค้าอันตราย   (UN  Recommemdations  on  the  Transport  of   Dangerous  Goods)    ที่ได้รับ
ความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทางบก

 

 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่   สำนักวิศวกรรมและความปลอดภัย โทร.02-  272-5312


เรียบเรียงโดย : สุธี ไชยเสนา สำนักควบคุมวัตถุอันตราย