หมวด
๒
หลักเกณฑ์การขอพิจารณาคำขอ
ข้อ ๓ เมื่อได้รับคำขอพร้อมเอกสารและหลักฐานแล้ว
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพิจารณาและออกใบอนุญาตตามขั้นตอนและระยะเวลา
ดังต่อไปนี้
(๑) กรณีคำขออนุญาตผลิตวัตถุอันตราย
(ก)
เมื่อได้รับคำขอแล้ว
ต้องตรวจสอบทำเลที่ตั้งของสถานที่ผลิต
สถานที่เก็บรักษา
เครื่องจักร ความถูกต้องของเอกสารและจัดทำรายงาน
การตรวจสอบภายในสามสิบวัน
(ข)
เมื่อได้ดำเนินการตาม
(ก) แล้ว
ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในยี่สิบวัน
(ค)
แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายในสิบวัน
ในกรณีไม่อนุญาตให้แจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบด้วย
(๒) กรณีคำขออนุญาตนำเข้า
ส่งออก
หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย
(ก)
เมื่อได้รับคำขอแล้ว
ต้องตรวจสอบทำเลที่ตั้งของสถานที่เก็บรักษา
ความถูกต้องของเอกสาร
และจัดทำรายงานการตรวจสอบภายในสิบวัน
(ข)
เมื่อได้ดำเนินการตาม
(ก) แล้ว
ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิบวัน
(ค)
แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายในสิบวัน
ในกรณีไม่อนุญาตให้แจ้งคำสั่งไม่อนุญาตพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบด้วย
ระยะเวลาตาม (๑)
และ (๒) ให้นับตั้งแต่ผู้ยื่นคำขอได้ยื่นคำขออนุญาตพร้อมเอกสาร
และหลักฐานเพื่อพิจารณาครบถ้วนแล้ว
แต่ไม่ให้นับระยะเวลาที่
หน่วยงานพิจารณาคำขออนุญาตสั่งการให้ผู้ยื่นคำขอไปดำเนินการให้สมบูรณ์หรือระยะเวลาที่ต้องได้รับความเห็นชอบหรืออนุญาตหรืออนุมัติจากหน่วยงานอื่นที่มีกฎหมาย
หรือระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้
ทั้งนี้
ให้คำนึงถึงลักษณะของการประกอบกิจการ
และคุณสมบัติของวัตถุอันตรายประกอบด้วย
ข้อ ๕ สถานที่ผลิตวัตถุอันตรายต้องตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมและปลอดภัยแก่การขนส่งวัตถุอันตราย
ไม่ก่อเหตุรำคาญ มลพิษ หรือผลกระทบใด ๆ ต่อแม่น้ำ
ลำคลอง แหล่งน้ำสาธารณะ
หรือแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและต้องไม่อยู่ในบริเวณ
ดังต่อไปนี้
(๑) ภายในระยะห้าร้อยเมตรจากเขตพระราชฐาน
(๒) ในเขตบ้านจัดสรรหรือที่ดินจัดสรรเพื่อการพักอาศัย
ตึกแถวหรือบ้านแถวเพื่อการพักอาศัย
หรืออาคารชุดพักอาศัย
(๓) ในเขตศูนย์การค้า
(๔) ภายในระยะหนึ่งร้อยเมตรจากเขตสาธารณสถาน
เช่น โรงเรียน หรือสถานศึกษา
วัดหรือศาสนสถาน สถานพยาบาล
โบราณสถาน หรือสถานที่ทำการงานของหน่วยงานของรัฐ
ข้อ ๖ สถานที่ผลิตวัตถุอันตรายต้องมีบริเวณพื้นที่ว่างโดยรอบอาคารเพื่อการควบคุมและป้องกันการเกิดอุบัติภัย
โดยคำนึงถึงขนาด
ลักษณะของการประกอบกิจการ
และคุณสมบัติของวัตถุอันตรายประกอบด้วย
ข้อ ๗ อาคารผลิตวัตถุอันตรายที่เป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานต้องมีลักษณะเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
(๑) อาคารที่มีจำนวนชั้นมากกว่าสองชั้นขึ้นไปต้องมีบันไดหนีไฟนอกอาคารอย่างน้อยชั้นละหนึ่งแห่ง
และต้องเป็นการติดตั้งที่ถาวร
และมั่นคงแข็งแรง
(๒) พื้นอาคารต้องมั่นคงแข็งแรง
ไม่กักขังน้ำหรือลื่น
อันอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
และต้องไม่มีคุณสมบัติในการดูดซับวัตถุอันตราย
ในกรณีมีการผลิตวัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวต้องจัดทำรางระบายและบ่อพักขนาดที่เหมาะสมเพื่อการระบายและกักเก็บวัตถุอันตรายที่อาจหกหรือรั่วไหล
(๓) วัตถุที่ใช้ในการก่อสร้างต้องเหมาะสมกับการประกอบกิจการตามขนาดและคุณสมบัติของวัตถุอันตรายรวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการลุกลาม
ของอัคคีภัย
ข้อ ๘ อาคารผลิตวัตถุอันตรายที่ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานต้องมีลักษณะ
ดังต่อไปนี้
(๑) อาคารต้องมั่นคงแข็งแรง
เหมาะสมและมีบริเวณเพียงพอที่จะประกอบกิจการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายนั้น
ๆ
(๒) มีการระบายอากาศที่เหมาะสม
โดยให้มีพื้นที่ประตู
หน้าต่าง
และช่องลมรวมกันโดยไม่นับติดต่อระหว่างห้องไม่น้อยกว่า
๑ ใน ๑๐ ส่วน
ของพื้นที่ของห้องหรือมีการระบายอากาศไม่น้อยกว่า
๐.๕
ลูกบาศก์เมตรต่อนาที
ต่อคนงานหนึ่งคน
(๓) มีบันไดที่มั่นคงแข็งแรงและมีลักษณะ
ขนาด
และจำนวนที่เหมาะสมกับอาคารและการประกอบกิจการ
ขั้นบันไดต้องไม่ลื่นและมีช่วงระยะ
เท่ากันโดยตลอด
บันไดและพื้นทางเดินที่อยู่สูงจากระดับพื้นตั้งแต่
๑.๕๐
เมตรขึ้นไปต้องมีราวที่มั่นคง
แข็งแรงและเหมาะสม
หากอาคารดังกล่าวมีจำนวนชั้นมากกว่า
สองชั้นขึ้นไปต้องมีบันไดหนีไฟนอกอาคารอย่างน้อยชั้นละหนึ่งบันไดซึ่งต้องเป็นการติดตั้งที่ถาวร
และมั่นคงแข็งแรง
(๔) พื้นอาคารต้องมั่นคงแข็งแรง
ไม่กักขังน้ำหรือลื่น
อันอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
และต้องไม่มีคุณสมบัติในการดูดซับวัตถุอันตราย
ในกรณีมีการผลิตวัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวต้องจัดทำรางระบายและบ่อพักขนาดที่เหมาะสมเพื่อการระบายและกักเก็บวัตถุอันตรายที่อาจหกหรือรั่วไหล
(๕) วัตถุที่ใช้ในการก่อสร้างต้องเหมาะสมกับการประกอบกิจการตามขนาดและคุณสมบัติของวัตถุอันตรายรวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการลุกลาม
ของอัคคีภัย
(๖) มีที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายที่เหมาะสม
ปลอดภัย และเป็นสัดส่วน
ข้อ ๙ สถานที่เก็บวัตถุอันตรายต้องตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมและปลอดภัยแก่การขนส่งวัตถุอันตราย
ไม่ก่อเหตุรำคาญ มลพิษ
หรือผลกระทบใด ๆ ต่อแม่น้ำ
ลำคลอง แหล่งน้ำสาธารณะ
หรือแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงปริมาณ
คุณลักษณะ
และสภาพของวัตถุอันตราย
รวมทั้งความปลอดภัย
ของภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายนั้นประกอบด้วย
ข้อ ๑๐ อาคารเก็บรักษาวัตถุอันตรายนอกจากจะต้องมีลักษณะเช่นเดียวกับอาคารผลิตวัตถุอันตรายตามข้อ
๗ หรือข้อ ๘ แล้วแต่กรณี
ต้องมีลักษณะเพิ่มเติม
ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องไม่ก่อให้เกิดเหตุรำคาญ
อันตราย
หรือความเสียหายต่อบุคคล
สัตว์ พืช ทรัพย์
หรือสิ่งแวดล้อม
(๒) ต้องมีที่เก็บรักษาวัตถุอันตรายเฉพาะตามคุณสมบัติของวัตถุอันตราย
มีขนาดและลักษณะเหมาะสมกับชนิด
และปริมาณที่ขออนุญาต
รวมทั้งมีบริเวณเพียงพอที่จะอำนวยความสะดวกแก่การขนย้ายวัตถุอันตรายเข้าออก
(๓) อาคารที่มีความกว้างและความยาวด้านละตั้งแต่สามสิบเมตรขึ้นไป
ต้องมีผนังที่ทำจากวัสดุทนไฟกั้นตัดตอนโดยมีระยะห่างกันอย่างน้อย
หนึ่งผนังทุก
ๆ สามสิบเมตร
เพื่อป้องกันการลุกลามของอัคคีภัย
ความใน (๓) มิให้ใช้บังคับกับการมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายเพื่อการใช้รับจ้างการค้าปลีกวัตถุอันตรายที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับ
จำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค
หรือการใช้สอยวัตถุอันตรายส่วนบุคคล
ข้อ ๑๑ การเก็บรักษาวัตถุอันตรายในที่โล่งแจ้ง
ต้องจัดให้มีการป้องกันการหกหรือรั่วไหลของวัตถุอันตรายที่เหมาะสมกับคุณสมบัติของวัตถุอันตราย
และขนาดของการประกอบกิจการและสามารถควบคุมวัตถุอันตรายไม่ให้หกหรือรั่วไหลสู่ภายนอกได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
ข้อ ๑๒ ภาชนะเก็บวัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวที่มีปริมาณตั้งแต่สามหมื่นลิตรขึ้นไป
ต้องมั่นคงแข็งแรงและเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับ
โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ในกรณีที่มีการติดตั้งภาชนะตามวรรคหนึ่งอยู่กับที่
หรือในกรณีที่มีการติดตั้งภาชนะเก็บวัตถุอันตรายดังกล่าวมากกว่าหนึ่งภาชนะโดยติดตั้งอยู่กับที่
เป็นกลุ่ม
มีปริมาณรวมกันตั้งแต่ห้าหมื่นลิตรขึ้นไป
เจ้าของภาชนะดังกล่าวต้องสร้างเขื่อนคอนกรีตโดยรอบให้มีขนาดที่สามารถกักเก็บปริมาณของวัตถุอันตรายได้ทั้งหมด
ตาม
หลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เพื่อป้องกันการหกหรือรั่วไหลของวัตถุอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น
ข้อ ๑๓ ภาชนะเก็บวัตถุอันตรายที่เป็นก๊าซที่มีความกดดันต่างจากบรรยากาศ
(pressure vessel) ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ยอมรับ
และมีอุปกรณ์
ความปลอดภัยและส่วนประกอบที่จำเป็นตามหลักวิชาการ
โดยมีคำรับรองของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมหรือบุคคลอื่นที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกำหนด
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข้อ ๑๔ การนำเข้า
การส่งออก
หรือการนำผ่านวัตถุอันตราย
หรือการดำเนินการอื่นใดต่อวัตถุอันตรายต้องคำนึงถึง
สนธิสัญญาและข้อผูกพันระหว่างประเทศ
BACK หมวด ๑ คำขอ | กลับหน้าประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม | หมวด ๓ การอนุญาต NEXT