พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย   พ  .ศ . 2535
ภูมิพลอดุลยเดช ป .ร .
ให้ไว้ ณ วันที่  29 มีนาคม พ .ศ . 2535
เป็นปีที่  47 ในรัชกาลปัจจุบัน   

    พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์มหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่าโดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษ    จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้ 
มาตรา  1 พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ .ศ . 2535
มาตรา  2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 
มาตรา  3 ให้ยกเลิก 
    (1) พระราชบัญญัติวัตถุมีพิษ พ .ศ . 2510
    (2) พระราชบัญญัติวัตถุมีพิษ  (ฉบับที่  2) พ .ศ . 2516
มาตรา  4 ในพระราชบัญญัตินี้ 
วัตถุอันตราย หมายความว่า วัตถุดังต่อไปนี้ 
    (1) วัตถุระเบิดได้ 
    (2) วัตถุไวไฟ 
    (3) วัตถุออกซิไดซ์และวัตถุเปอร์ออกไซด์ 
    (4) วัตถุมีพิษ 
    (5) วัตถุที่ทำให้เกิดโรค 
    (6) วัตถุกัมมันตรังสี 
    (7) วัตถุที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม 
    (8) วัตถุกัดกร่อน 
    (9) วัตถุที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง 
    (10) วัตถุอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเคมีภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใด ที่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม 
"ผลิต" หมายความว่า ทำ เพาะ ปรุง ผสม แปรสภาพ ปรุงแต่ง แบ่งบรรจุ หรือ รวมบรรจุ  
"นำเข้า" หมายความว่า นำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรหรือนำผ่าน 
"ส่งออก" หมายความว่า ส่งหรือดำเนินการเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร 
"ขาย" หมายความถึง การจำหน่าย จ่ายหรือแจกเพื่อประโยชน์ทางการค้าและให้หมายความรวมถึงการมีไว้เพื่อขายด้วย  
"มีไว้ในครอบครอง" หมายความว่า การมีไว้ในครอบครองไม่ว่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น และไม่ว่าจะเป็นการมีไว้เพื่อขาย เพื่อขนส่ง เพื่อใช้   หรือเพื่อประการอื่นใดและรวมถึงการทิ้งอยู่ หรือปรากฏอยู่ในบริเวณที่อยู่ในความครอบครองด้วย 
"ฉลาก" หมายความว่ารูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ  ซึ่งแสดงไว้ที่วัตถุอันตราย หรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อบรรจุ หรือสอดแทรก
หรือ รวมไว้กับวัตถุอันตราย หรือภาชนะ  บรรจุ หรือหีบห่อบรรจุ และหมายความรวมถึงเอกสาร หรือคู่มือประกอบการใช้วัตถุอันตรายด้วย  
"พนักงานกรรมการ" หมายความว่า คณะกรรมการวัตถุอันตราย 
"พนักงานเจ้าหน้าที่ "หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ 
"รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ" หมายความว่ารัฐมนตรีเจ้าสังกัดของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบควบคุมวัตถุอันตรายตามมาตรา  19 
มาตรา  5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวง
อุตสาหกรรม ควบคุม ส่งเสริมและติดตามดูแลการดำเนินงาน ของเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย
ในการปฏิบัติการ ตามพระราชบัญญัตินี้
     ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้
และยกเว้นค่าธรรมเนียม กับกำหนดกิจการอื่นกับออกประกาศ ทั้งนี้เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
     ให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
     กฎกระทรวงหรือประกาศนั้น    เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้   

     

หมวด 1 
คณะกรรมการวัตถุอันตราย 

______________  

มาตรา  6  ให้มีคณะกรรมการวัตถุอันตรายคณะหนึ่ง ประกอบด้วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานกรมการ  อธิบดีกรมการค้าภายใน
อธิบดีกรมการแพทย์  อธิบดีกรมโยธาธิการ  อธิบดีกรมตำรวจ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เลขาธิการคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  เลขาธิการคณะกรรม การอาหารและยา เลขาธิการสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐาน
ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และผู้แทนกระทรวงกลาโหมและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกินเจ็ดคน เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมโรงงาน
อุตสาหกรรมเป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้แทนกรมโยธาธิการ ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผู้แทนกรมวิชาการเกษตร 
ผู้แทนสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นผู้ช่วยเลขานุการกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามวรรคหนึ่งต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีผลงานและประสพการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสาขา
วิชาเคมีวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์หรือกฎหมาย และอย่างน้อยสองคนให้แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ดำเนินงานในองค์การ
สาธารณประโยชน์เพื่อการคุ้มครองสุขภาพอนามัย หรือสิ่งแวดล้อม
 มาตรา  7 ให้คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้ 

  (1) ให้ความเห็นแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในการออกประกาศ  ตามมาตรา  18 วรรคสอง และมาตรา  36   วรรคหนึ่ง 

  (2) ให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในการออกประกาศตามมาตรา    20 มาตรา  36 วรรคสาม มาตรา  37  วรรคสอง มาตรา  44 
และมาตรา  47(5)

  (3) ให้คำแนะนำแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการรับขึ้นทะเบียน หรือเพิกถอน   ทะเบียนวัตถุอันตราย 

  (4) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  หน่วยงานผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่
 ในเรื่องใดๆ  เกี่ยวกับวัตถุอันตราย 

  (5) พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากวัตถุอันตราย 

  (6) แจ้งหรือโ ฆ ษณาข่าวสารเกี่ยวกับวัตถุอันตรายให้ประชาชนได้ทราบ  ในการนี้จะระบุชื่อของวัตถุอันตรายหรือชื่อของผู้ประกอบการ
ที่เกี่ยวข้องด้วยก็ได้ 
 
  (7) สอดส่องดูแล ให้คำแนะนำ และเร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับวัตถุอันตรายต่าง ๆ  
   ให้ปฏิบัติการตามอำนาจและหน้าที่  ที่กฎหมายกำหนด 

  (8) เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบคุมวัตถุอันตรายและการป้องกันและเยียวยา
ความเสียหายอันเกิดจากวัตถุ อันตรายเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ 

  (9) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ 

  มาตรา  8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ 

  มาตรา  9 นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา    8 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ 

  (1) ตาย 

  (2) ลาออก 

  (3) คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่อง ไม่สุจริตต่อหน้าที่ มีความประพฤติ   เสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ 

  (4) เป็นบุคคลล้มละลาย 

  (5) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ หรือ 

  (6) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความ   ผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 

  มาตรา  10 ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  ซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง 
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้ง
ไว้แล้วนั้น 

  มาตรา  11 ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดำรงตำแหน่งครบวาระแล้ว  แต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ 
ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ 

  มาตรา  12 การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม 
ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมให้กรรมการซึ่ง มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม  การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุม
ให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่ง
เป็นเสียงชี้ขาดกรรมการผู้ได้มีส่วนได้เสียเป็นการส่วนตัวในเรื่องใด  กรรมการผู้นั้นไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น 

  มาตรา  13 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ 
ให้คณะกรรมการกำหนดองค์ประชุมและวิธีดำเนินงานของอนุกรรมการได้ตามความเหมาะสม 

  มาตรา  14 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้คณะกรรมการ  หรือคณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการ มอบหมายมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียก
บุคคลใด  มาให้ถ้อยคำหรือให้ส่งเอกสารหรือ วัตถุใดๆ   มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น  
   

     

หมวด 2 
การควบคุมวัตถุอันตราย 

______________  

มาตรา  15 ในกรณีที่มีกฎหมายว่าด้วยการใดบัญญัติเรื่องใดไว้โดยเฉพาะแล้วให้บังคับตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่ถ้ามีเหตุอันควรคณะกรรมการโดยความเห็นชอบของ รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายด้วยการนั้นอาจมีมติให้นำบทบัญญัติแห่ง
พระราชบัญญัตินี้ไปใช้บังคับเป็นการเพิ่มเติมหรือแทนที่กฎหมายว่าด้วยการนั้นได้ ทั้งนี้ โดยจะกำหนดระยะเวลาหรือเงื่อนไข อย่างใดไว้ในมตินั้นก็ได้ มติตามวรรคหนึ่ง เมื่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการนั้นประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ 

 

มาตรา  16 ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืชทรัพย์หรือสิ่งแวดล้อม จะมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนด
ท้องที่ เพื่อห้ามการครอบครองการจำหน่ายหรือการใช้วัตถุอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ 


มาตรา  17 ให้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายขึ้นในกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเป็นศูนย์กลาง ประสานงานในเรื่องข้อมูลของวัตถุอันตราย
กับส่วนราชการต่าง ๆ    รวมทั้งจากภาคเอกชน เพื่อรวบรวม และให้บริการข้อมูลทุกชนิดเกี่ยวกับวัตถุอันตรายตั้งแต่การมีอยู่ในต่างประเทศ การนำเข้าหรือการ ผลิตภายในประเทศ การเคลื่อนย้าย การใช้สอย การทำลาย และการอื่นใดอันเกี่ยวเนื่อง 


มาตรา  18 วัตถุอันตรายแบ่งออกตามความจำเป็นแก่การควบคุม ดังนี้ 
(1) วัตถุอันตรายชนิดที่  1 ได้แก่วัตถุอันตรายที่การผลิต การนำเข้า การส่งออกหรือการมีไว้ในครอบครองต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด 
(2) วัตถุอันตรายชนิดที่  2 ได้แก่วัตถุอันตรายที่การผลิต การนำเข้า การส่งออกหรือการมีไว้ในครอบครองต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อนและต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดด้วย 
(3) วัตถุอันตรายชนิดที่  3 ได้แก่วัตถุอันตรายที่การผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครองต้องได้รับใบอนุญาต 
(4) วัตถุอันตรายชนิดที่  4 ได้แก่วัตถุอันตรายที่ห้ามมิให้มีการผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือการมีไว้ในครอบครอง       

        เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจมีแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่ง แวดล้อม ให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวง
อุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศ  ในราชกิจจานุเบกษาระบุชื่อ หรือคุณสมบัติของวัตถุอันตราย 
ชนิดของวัตถุอันตราย กำหนดเวลาการ ใช้บังคับและหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุมวัตถุอันตรายดังกล่าว  

 

มาตรา  19 เมื่อหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใดของกระทรวงหรือทบวงในราชการบริหารส่วนกลางมีคำขอเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุม
วัตถุอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ให้คณะกรรมการพิจารณาและเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อ การอออกประกาศตามมาตรา  18 วรรคสอง  กำหนดให้หน่วยงานนั้นเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ ดำเนินการทั้งหมด หรือบางส่วนเกี่ยวกับวัตถุอันตรายนั้นได้ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะ ด้าน จำนวนบุคคลากร ความสัมพันธ์กับภารกิจหลักและปริมาณงานในความรับผิดชอบเป็นสำคัญในกรณีที่คณะกรรมการมีความเห็นเป็นอย่างอื่น  ให้รัฐมนตรี
ของหน่วยงานที่มีคำขอเป็นผู้รับผิดชอบ ยืนยันต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวัน
ในกรณีเช่นว่านี้ ให้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีวินิจฉัย 


มาตรา  20 ให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโดยความเห็นของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
(1) กำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติและสิ่งเจือปน ภาชนบรรจุ วิธีตรวจและทดสอบภาชนะ ฉลาก การผลิต การนำเข้า การส่งออก การขาย การขนส่ง การเก็บรักษา การกำจัด การ ทำลาย การปฏิบัติกับภาชนะของวัตถุอันตราย การให้แจ้งข้อเท็จจริง การให้ส่งตัวอย่าง หรือการอื่นใด 
เกี่ยวกับวัตถุอันตรายเพื่อควบคุม ป้องกัน บรรเทา หรือระงับอันตรายที่จะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงสนธิสัญญาและข้อผูกพันระหว่างประเทศประกอบด้วย 
(2) กำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรเฉพาะรับผิดชอบสำหรับการดำเนินการ อย่างหนึ่งอย่างใดตาม  (1)
(3) กำหนดเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนจากปริมาณที่กำหนดไว้ของสาระสำคัญในวัตถุอันตราย 
(4) กำหนดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายดังกล่าว 
(5) ระบุชื่อ หรือคุณสมบัติของวัตถุอันตรายและกรณีที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา  36


มาตรา  21 ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  1 ต้องปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ
ที่ออกตามมาตรา  20(1) (2) และ  (3)


มาตรา  22 ภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา  36 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  2 เว้นแต่
จะได้แจ้งความประสงค์จะดำเนินการดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อน เมื่อได้มีประกาศระบุวัตถุใดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่  2 ให้ผู้ผลิต
ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ครอบครอง แจ้งการดำเนินการของตนที่กระทำอยู่ในขณะนั้นให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายใน เวลา
ที่กำหนดในประกาศดังกล่าว 
            ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  2 ต้องปฏิบัติตาม ประกาศของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ
ที่ออกตามมาตรา  20 (1) (2) และ  (3) ด้วย 

 

มาตรา  23 ภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา  36 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่ง วัตถุอันตรายชนิดที่  3 เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ การขออนุญาตและการอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
โดยในกฎกระทรวงดังกล่าวให้กำหนดกรณีที่พึงอนุญาตได้และกรณีที่จะอนุญาต ไม่ได้ไว้ให้ชัดเจนเท่าที่ จะกระทำได้ เว้นแต่กรณีจำเป็น
ที่ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้าและให้กำหนดระยะเวลาสำหรับการ พิจารณาอนุญาตให้ชัดเจนด้วย  ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้
 ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  3 ต้องปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบที่ออกตามมาตรา  20 (1) (2 ) และ  (3) นั้นด้วย 

 

มาตรา  24 เมื่อได้มีประกาศระบุชื่อวัตถุใดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่  3 ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้     ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครอง
ซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าวยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรา  23 ภายใน เวลาที่กำหนดในประกาศดังกล่าว และในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว
ให้ผู้นั้นประกอบกิจการไปพลางก่อนได้จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งไม่อนุญาตตามคำขอนั้น 

 

มาตรา  25 ใบอนุญาตที่ออกไปแล้วนั้น ถ้าต่อมากฎหมายหรือพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปหรือมีเหตุสำคัญเพื่อคุ้มครองความปลอดภัย ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตมีอำนาจ สั่งแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขในการอนุญาตได้ตามความจำเป็น 

 

มาตรา  26  ใบอนุญาตซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน ใบอนุญาต แต่มิให้กำหนดเกินสามปีนับแต่วันออกใบอนุญาต 

 

มาตรา  27 ผู้ได้รับใบอนุญาตถ้าประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาตจะต้องยื่นคำขอเสียก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ เมื่อได้ยื่นคำขอดังกล่าวแล้ว
ให้ถือว่ามีฐานะเสมือนผู้ได้รับอนุญาตและให้ประกอบ กิจการต่อไปได้จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตนั้น การขอต่ออายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ กำหนดในกฎกระทรวง 

 

มาตรา  28 ในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่ต่ออายุใบอนุญาต ผู้ขออนุญาตหรือผู้ต่ออายุใบอนุญาตมีสิทธิอุทธรณ์
ต่อรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ ได้รับหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการไม่อนุญาตหรือไม่ต่ออายุใบอนุญาต คำวินิจฉัยของรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบให้เป็นที่สุด 


มาตรา  29 ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต่ออายุใบอนุญาต หรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้มีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์การต่ออายุใบอนุญาต ผู้ขอต่อ
อายุใบอนุญาตจะขายวัตถุอันตรายที่มีอยู่ในครอบครองได้ภายในกำหนดสามเดือนนับแต่วันทราบคำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตหรือทราบคำสั่ง 
ของรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบให้ยกอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ให้นำมาตรา  52 วรรคสองวรรคสามและวรรคสี่ 
มาใช้บังคับโดยอนุโลม 

 

มาตรา  30 ถ้าใบอนุญาตหรือใบสำคัญการขี้นทะเบียนวัตถุอันตรายสูญหาย ลบเลือน หรือ ชำรุดในสาระสำคัญ ให้ผู้ได้รับอนุญาต 

ยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาต หรือใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียน วัตถุอันตรายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ 

ทราบการสูญหาย ลบเลือนหรือชำรุด 


มาตรา  31 ผู้ได้รับใบอนุญาตซึ่งมีอายุได้เกินสามเดือนต้องแสดงใบอนุญาตหรือใบแทน ไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ทำการ
ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้น 


มาตรา  32 เมื่อปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ได้รับใบอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ
พิจารณาสั่งพักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามที่ เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปี และถ้าเป็นกรณีสำคัญจะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเลยก็ได้ 


มาตรา  33 ผู้ถูกสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา  32 มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบภายในกำหนดสามสิบวัน
นับแต่วันทราบคำสั่งคำวินิจฉัยของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบให้ เป็นที่สุด การอุทธรณ์ตามวรรคหนึ่งย่อมไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำสั่งพักใช้
หรือเพิกถอนใบ อนุญาต    

 

มาตรา  34  ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา  32 จะขายวัตถุอันตรายที่มีอยู่ในครอบครองได้ภายใน กำหนดสามเดือน นับแต่วัน
ทราบคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หรือทราบคำสั่งของรัฐมนตรี  ผู้รับผิดชอบให้ยกอุทธรณ์ แล้วแต่กรณี หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว
ให้นำมาตรา  52  วรรคสอง    วรรคสามและวรรคสี่มาใช้บังคับโดยอนุโลม 


มาตรา  35 ผู้ถูกสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจะขออนุญาตใหม่อีกไม่ได้จนกว่าจะพ้นกำหนดห้าปี    นับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต 


มาตรา  36 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทวงอุตสาหกรรมโดยความเห็นของคณะกรรมการประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดรายชื่อของวัตถุ
อันตรายที่กระบวนการผลิตและลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายเป็นที่ทราบกันแน่ชัดโดยทั่วไป   

     การผลิต หรือการนำเข้า ซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่  2 หรือชนิดที่   3  ที่อยู่นอกรายชื่อของ ประกาศตามวรรคหนึ่ง จะต้องนำมาขอขึ้นทะเบียน
ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนและเมื่อได้รับใบสำคัญ  การขึ้นทะเบียนแล้ว จึงจะผลิตหรือนำเข้าตามมาตรา  22 หรือจึงจะออกใบอนุญาตให้ผลิต
หรือนำเข้า ตามมาตรา  23 ได้  ทั้งนี้  เว้นแต่จะมีประกาศของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบยกเว้นให้ไม่ต้องขึ้นทะเบียนอีก
ในกรณีมีผู้ได้ขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายอย่างเดียวกันนั้นไว้แล้ว หรือในกรณีอื่นที่มีเหตุอันควร 
      การขอขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีผู้รับ
ผิดชอบโดยความเห็นของคณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา 


มาตรา  37 ในกรณีที่การขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายจำเป็นต้องผลิตหรือนำเข้ามาซึ่งตัวอย่างวัตถุอันตรายที่จะ ขอขึ้นทะเบียนหรือ ต้องนำเข้ามา
ซึ่งวัตถุอันตรายอย่างอื่นเพื่อใช้ในการผลิตวัตถุ อันตรายที่จะขอขึ้นทะเบียน และวัตถุอันตรายนั้นมีกฎหมายบังคับให้การผลิตหรือการนำเข้าต้อง 
ได้รับอนุญาตหรือต้องขึ้นทะเบียนเสียก่อน  ผู้ขอขึ้นทะเบียนอาจขออนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อ ผลิตหรือนำเข้าซึ่งวัตถุอันตรายนั้นได้
ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการนั้น
    การผลิตหรือการนำเข้ามาตามวรรคหนึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโดยความเห็นของคณะกรรมการ
กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา 


มาตรา  38  ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายเมื่อคณะกรรมการเห็นว่า 
(1) วัตถุอันตรายที่ขอขึ้นทะเบียนไม่เป็นที่เชื่อถือได้ว่ามีคุณประโยชน์ตามที่ขอขึ้นทะเบียนไว้ หรือหากนำมาใช้แล้วอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม โดยไม่มีวิธีปกติตามควรที่จะป้องกันได้ 
(2) วัตถุอันตรายที่ขอขึ้นทะเบียนใช้ชื่อในทำนองโอ้อวด ไม่สุภาพ หรืออาจทำให้เข้าใจผิดจากความเป็นจริง หรือ 
(3) วัตถุอันตรายที่ขอขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตรายปลอม หรือเป็นวัตถุ อันตรายที่ พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งเพิกถอนทะเบียนแล้วคำสั่งไม่รับขึ้นทะเบียนของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นที่สุด 


มาตรา  39 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งแก้ไขรายการททะเบียนวัตถุอันตรายได้ตามความจำเป็น 


มาตรา  40 วัตถุอันตรายใดที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ต่อมาปรากฏว่าไม่มีประโยชน์ตามที่ขึ้น ทะเบียนไว้หรือหากนำมาใช้แล้วอาจเกิดอันตราย
แก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมโดยไม่มีวิธีปกติตามควรที่จะป้องกันได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่  โดยคำแนะนำ ของคณะกรรมการ มีอำนาจ เพิกถอนทะเบียนวัตถุอันตรายนั้นได้  คำสั่งเพิกถอนทะเบียนของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นที่สุด เมื่อมีการเพิกถอนทะเบียน 
วัตถุอันตรายใดแล้ว สิทธิในการผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายนั้นเป็นอันระงับไป 


มาตรา  41 เจ้าของวัตถุอันตรายที่ถูกเพิกถอนทะเบียนต้องจัดการทำลายหรือดำเนินการ กับวัตถุอันตรายของตนตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่มีคำสั่ง
ภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด และให้นำมาตรา  52 วรรคสอง วรรคสามและวรรคสี่มาใช้บังคับโดยอนุโลม 


มาตรา  42 ผู้ผลิตเพื่อการค้า ผู้นำเข้าเพื่อการค้า ผู้ส่งออกเพื่อการค้า ผู้เก็บรักษาเพื่อการค้า หรือผู้ขายซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  2 หรือชนิดที่  3 ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่อัตราค่าธรรมเนียมนั้นต้องไม่เกินอัตราตามท้าย
พระราชบัญญัตินี้     ถ้าไม่มีการชำระค่าธรรมเนียมภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าต่อเดือน ในกรณีที่ค้างชำระ
โดยไม่มีเหตุอันควรและเป็นกรณีที่มีใบอนุญาตในการดำเนินการ พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตตามควรแก่กรณีก็ได้ 


มาตรา  43 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  4 เมื่อรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้ประกาศระบุวัตถุใด เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่  4 ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้มีไว้ในครอบครองปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่  และให้นำมาตรา  41
  มาใช้บังคับโดย  อนุโลม 


มาตรา  44 ให้รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโดยความเห็นของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศให้วัตถุอันตรายดังต่อไปนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้อง
ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนตาม ที่เห็นสมควรได้ 
(1) วัตถุอันตรายซึ่งโดยลักษณะหรือปริมาณอาจก่อให้เกิดอันตรายน้อยหรือ ซึ่งการบังคับตามมาตรการต่าง ๆ    ตามพระราชบัญญัตินี้
จะก่อให้เกิดภาระเกินความสมควร 
(2) วัตถุอันตรายของกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐ สภากาชาดไทย หรือหน่วยงานอื่นตามที่จะเห็นสมควรกำหนด 


มาตรา  45 ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่  1   วัตถุอันตรายชนิดที่  2 หรือวัตถุอันตราย
ชนิดที่  3 ดังต่อไปนี้ 
(1) วัตถุอันตรายปลอม 
(2) วัตถุอันตรายผิดมาตรฐาน 
(3) วัตถุอันตรายเสื่อมคุณภาพ 
(4) วัตถุอันตรายที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ 
(5) วัตถุอันตรายที่ถูกสั่งเพิกถอนทะเบียน 
การมีไว้ในครอบครองตามวรรคหนึ่งไม่หมายความรวมถึงการครอบครองขณะจะทำลาย หรือ การส่งมอบแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือการครอบครองเพื่อการอย่างอื่นตามหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมาย 


มาตรา  46 ผู้ใดรู้ว่าวัตถุอันตรายในความครอบครองของตนเป็นวัตถุอันตรายตามมาตรา  45 ผู้นั้นต้องทำลาย ต้องแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือต้องส่งมอบให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม หลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศที่ออกตามมาตรา  20 (1)


มาตรา  47  วัตถุอันตรายหรือสิ่งดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นวัตถุอันตรายปลอม 
(1) สิ่งที่ทำเทียมวัตถุอันตรายแท้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน 
(2) วัตถุอันตรายที่แสดงชื่อว่าเป็นวัตถุอันตรายอื่นหรือแสดงกำหนดเวลาที่ วัตถุอันตรายหมดอายุการใช้เกินความเป็นจริง 
(3) วัตถุอันตรายที่แสดงชื่อหรือเครื่องหมายของผู้ผลิตหรือที่ตั้งของสถานที่ ผลิตซึ่งมิใช่ความจริง 
(4) วัตถุอันตรายที่แสดงว่าเป็นวัตถุอันตรายที่ขึ้นทะเบียนไว้ซึ่งมิใช่ความจริง 
(5) วัตถุอันตรายที่ผลิตขึ้นโดยมีสาร สำคัญน้อยหรือมากกว่าเกณฑ์ค่าคลาด เคลื่อนตามมาตรา  20 (3) ในระดับที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบโดยความเห็นของคณะกรรมการกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา 
มาตรา  48 วัตถุอันตรายดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นวัตถุอันตรายผิดมาตรฐาน 
(1) วัตถุอันตรายที่ผลิตขึ้นโดยมีสาร สำคัญน้อยหรือมากกว่าเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนตามมาตรา  20 (3) แต่ไม่ถึงระดับที่กำหนดตาม
มาตรา  47(5)
(2) วัตถุอันตรายที่ผลิตขึ้นโดยมีความบริสุทธิ์ สิ่งเจือปน หรือลักษณะอื่นที่มี ความสำคัญต่อคุณสมบัติของวัตถุอันตราย ผิดไปจากเกณฑ์ ที่กำหนดหรือที่ขึ้นทะเบียนไว้ 


มาตรา  49 วัตถุอันตรายดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นวัตถุอันตรายเสื่อมคุณภาพ 
(1) วัตถุอันตรายที่หมดอายุการใช้ตามที่แสดงไว้ในฉลาก 
(2) วัตถุอันตรายที่แปรสภาพจนมีลักษณะเช่นเดียวกับวัตถุอันตรายปลอม ตามมาตรา  47 (5) หรือวัตถุอันตรายผิดมาตรฐาน 


มาตรา  50 เมื่อคณะกรรมการเห็นว่าฉลากใดไม่เป็นไปตามมาตรา  20 (1) คณะกรรมการ มีอำนาจสั่งให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเลิกใช้ฉลาก ดังกล่าว หรือดำเนินการแก้ไขฉลากนั้นให้ถูกต้อง 

 

มาตรา  51 การควบคุมการโ ฆษณาวัตถุอันตรายให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ผู้บริโภค และเพื่อประโยชน์ในการควบคุม
โ ฆ ษณา ให้ถือว่าวัตถุอันตรายที่มีการกำหนดฉลากตามมาตรา  20 (1) เป็นสินค้าที่มีการควบคุมฉลากโดยคณะกรรมการควบคุมฉลาก
ตามกฎหมายดังกล่าวโดย อนุโลม 


มาตรา  52 เมื่อปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ใน ครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายผู้ใด ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มี อำนาจสั่งให้ผู้นั้นระงับการกระทำที่ฝ่าฝืน หรือแก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องได้
ในการนี้  หากเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร พนักงานเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ผู้นั้นส่งออกไปซึ่งวัตถุอันตรายนั้นเพื่อคืนให้แก่ผู้ผลิตหรือ
ผู้จัดส่งวัตถุอันตรายนั้นมาให้ หรือเพื่อการอื่นตามความเหมาะสมก็ได้ โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
        เมื่อมีกรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าปรากฏว่าผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออกหรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าวไม่สามารถ
ปฏิบัติให้ถูกต้องได้ ไม่ว่าเพราะไม่มีความสามารถ หรือเพราะเหตุอื่นใด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้บุคคลดังกล่าว ส่งมอบวัตถุอันตรายนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่  ณ  สถานที่ที่กำหนด เพื่อทำลายหรือจัดการตามควรแก่กรณีโดยคำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
จากวัตถุอันตรายดังกล่าวด้วย 
        ในกรณีที่วัตถุอันตรายนั้นอาจจำหน่ายได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการขายทอดตลาดหรือขายให้แก่หน่วยงานของรัฐภายในสามเดือน
นับแต่วันได้รับมอบ เงินที่ขายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา การจำหน่าย และค่าภาระที่เกี่ยวข้องแล้วให้เก็บไว้เพื่อคืนแก่เจ้าของ แต่ถ้าพ้นกำหนดสามเดือนดังกล่าวแล้วยังจำหน่ายไม่ได้หากพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าการผ่อนเวลาต่อไปจะเป็นอันตรายหรือภาระเกินควร
ก็ให้มีอำนาจสั่งให้ทำลายหรือจัดการตามควรแก่กรณี 
        ในกรณีที่ต้องทำลายหรือจัดการตามควรแก่กรณีหากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นให้เจ้าของวัตถุอันตรายมีหน้าที่จ่ายหรือชดใช้เงินจำนวนนั้น
แก่ทางราชการ 


มาตรา  53 เมื่อปรากฏว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ากระทำการเช่นว่านั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ มีอำนาจจับกุมผู้นั้นเพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไปตามกฎหมาย 


มาตรา  54 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้ 
(1) เข้าไปในสถานที่ประกอบการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย สถานที่ผลิตวัตถุอันตราย สถานที่เก็บรักษาวัตถุอันตราย หรือสถานที่ที่สงสัยว่าเป็นสถานที่เช่นว่านั้นในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทำการของสถานที่ดังกล่าว หรือเข้าไปในพาหนะที่บรรทุก วัตถุอันตรายหรือสงสัยว่าบรรทุกวัตถุอันตราย เพื่อตรวจสอบวัตถุอันตราย ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย
สมุดบัญชี เอกสาร หรือสิ่งใด ๆ    ที่เกี่ยวกับวัตถุอันตราย 
(2) นำวัตถุอันตรายหรือวัตถุที่สงสัยว่าเป็นวัตถุอันตรายในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอย่างเพื่อตรวจสอบ 
(3) ตรวจค้น กัก ยึด หรืออายัดวัตถุอันตราย ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย สมุดบัญชี เอกสารหรือสิ่งใด ๆ  ที่เกี่ยวข้อง    ในกรณีที่มีเหตุสงสัยว่ามีการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ 
(4) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารหรือวัตถุใดๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้ 


มาตรา  55 วัตถุอันตราย ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย สมุดบัญชี เอกสารและสิ่งของใด ๆ    ที่ ได้ยึดหรืออายัดไว้ตามมาตรา   54 (3) ถ้าสิ่งของ
ที่ยึดหรืออายัดไว้เป็นของเสียง่าย หรือถ้าการเก็บ ไว้จะเป็นการเสี่ยงต่อความเสียหายหรืออันตรายที่จะเกิดจากสิ่งของนั้นหรือค่าใช้จ่าย
จะเกินส่วนกับค่าแห่งสิ่งของนั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจทำลายหรือจัดการตามควรแก่กรณี โดยคำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดจาก
วัตถุอันตราย ดังกล่าวด้วย และให้นำมาตรา  52 วรรคสามและวรรคสี่ มาใช้ บังคับโดยอนุโลม
         ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่าสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ มิใช่เป็นทรัพย์ที่ต้องริบตามมาตรา  88 หรือพนักงานอัยการ
สั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ถอนการอายัดหรือคืนวัตถุอันตราย ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย สมุดบัญชี เอกสารและสิ่งนั้นๆ ให้แก่ผู้ควรได้รับคืนโดยมิชักช้า
         ในกรณีที่มีการคืนสิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ หรือเงินที่ขายได้ ให้แจ้งการคืนโดยส่งทางไปรษณีย์ ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนา
ของผู้ควรได้รับคืน  แต่ในกรณีไม่รู้ตัวผู้ควรได้รับคืน หรือรู้ตัวแต่ไม่รู้ภูมิลำ เนา ถ้าได้ประกาศในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับที่ได้แพร่หลาย
ในท้องที่ที่ได้ยึดหรืออายัดสิ่งของ นั้น  หรือการประกาศในหนังสือพิมพ์จะไม่คุ้มกับมูลค่าสิ่งของที่จะคืน ถ้าได้ประกาศไว้ ณ ที่ทำการ    อำเภอแห่งท้องที่นั้นไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน ให้ถือว่าได้มีการแจ้งเมื่อครบกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้ ประกาศในหนังสือพิมพ์    หรือวันที่ครบกำหนดการประกาศ ณ ที่ทำการอำเภอ แล้วแต่กรณี ผู้ขอรับคืนต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าภาระต่างๆ  ของรัฐที่เกิดขึ้นเพราะการประกาศในหนังสือพิมพ์พร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละยี่สิบของเงินจำนวนดังกล่าว 
        ในกรณีที่ไม่สามารถจะคืนได้เพราะหาตัวผู้ควรได้รับคืนไม่พบ ก็ให้รักษาสิ่งของที่ยืดไว้ หรือเงินที่จะคืนให้นั้นไว้ แล้วแต่กรณี หากภายในหนึ่งปีนับตั้งแต่ได้แจ้งแก่ผู้ควรได้รับคืนและไม่มีผู้ควรได้รับคืนมาขอรับก็ให้ตกเป็นของรัฐ 


มาตรา  56 ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัว แก่บุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกำหนด  

 

หมวด  3
หน้าที่และความรับผิดทางแพ่ง 

______________  

มาตรา  57 บทบัญญัติในหมวดนี้ไม่เป็นการลบล้างหรือจำกัดหน้าที่และความรับผิดทางแพ่งที่บุคคลมีอยู่ตามบทบัญญัติในหมวดอื่น
หรือของบทกฎหมายอื่น 


มาตรา  58 เพื่อประโยชน์ในการกำหนดหน้าที่และความรับผิดตามหมวดนี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษากำหนดวัตถุที่ให้ถือว่าเป็นวัตถุอันตรายตามความในหมวดนี้ 


มาตรา  59 ผู้ผลิตวัตถุอันตรายต้องระมัดระวังในการจัดหาวัตถุที่ใช้ในการผลิต การกำหนดวิธีการและขั้นตอนที่วางใจได้ของการผลิต การจัดให้มีภาชนะบรรจุที่มั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยต่อการใช้ การเคลื่อนย้าย และการขนส่ง การจัดให้มีฉลากที่แสดงสภาพอันตราย ของสิ่งนั้นที่ชัดเจนเพียงพอความเหมาะสมของการเก็บรักษา และการตรวจสอบความเหมาะสมของผู้ที่รับมอบวัตถุอันตรายไป จากตนหรือ ผู้ที่อาจคาดหมายได้ว่าอาจจะได้รับมอบวัตถุอันตรายดังกล่าว     
 

มาตรา  60 ผู้นำเข้าวัตถุอันตรายต้องระมัดระวังในการเลือกหาผู้ผลิต การตรวจสอบคุณภาพของวัตถุอันตราย การตรวจสอบความถูกต้อง ของภาชนะบรรจุและฉลาก การเลือกวิธีการขนส่งและผู้ขนส่ง ความเหมาะสมของการเก็บรักษา และการตรวจสอบความเหมาะสม ของผู้ที่ รับมอบ วัตถุอันตรายไปจากตนหรือผู้ที่อาจคาดหมายได้ว่าอาจจะได้รับมอบวัตถุอันตรายดังกล่าว 

มาตรา  61 ผู้ขนส่งต้องระมัดระวังในการตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งที่ใช้ในการขนส่งหรือยานพาหนะและอุปกรณ์ ความถูกต้องของภาชนะบรรจุและฉลากความเหมาะสมของวิธีการขนส่ง ความถูกต้องของการจัดวางบนยานพาหนะ และความไว้วางใจได้ของลูกจ้างหรือผู้จัดทำการงานให้แก่ ตนหรือร่วมกับตน 

มาตรา  62 ผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายต้องระมัดระวังในการตรวจสอบความเชื่อถือได้ของผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าหรือผู้ที่จัดหา
วัตถุอันตรายนั้นให้แก่ตนความถูกต้องของภาชนะบรรจุและ ฉลาก ความเหมาะสมของการเก็บรักษาและความไว้วางใจได้ของผู้ที่รับมอบ
วัตถุอันตรายไปจากตน หรืออาจคาดหมายได้ว่าอาจจะได้รับมอบวัตถุอันตรายดังกล่าว 

มาตรา  63 ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขนส่ง หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่วัตถุอันตราย
ที่อยู่ในความครอบครองของตน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง 

มาตรา  64 ผู้ขายหรือผู้ส่งมอบวัตถุอันตรายให้กับบุคคลใด ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหาย ของบุคคลดังกล่าวอันเกิดแต่วัตถุอันตรายนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุ สุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง 

มาตรา  65 นายจ้าง ตัวการ ผู้ว่าจ้าง หรือเจ้าของกิจการต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ บุคคลตามมาตรา  63 หรือมาตรา  64 ได้กระทำ ไปในการทำงานให้แก่ตน แต่ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลดังกล่าว เว้นแต่ตนจะมีส่วนผิดในการสั่งให้ทำ การเลือกหาตัวบุคคล การควบคุม หรือการอื่น อันมีผลโดยตรงให้เกิดการละเมิดขึ้นนั้น 

มาตรา  66 ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขายส่ง ผู้ขายปลีก คนกลาง และผู้มีส่วนในการจำหน่ายจ่ายแจกทุกช่วงต่อจากผู้ผลิตจนถึงผู้ที่รับผิดชอบ
ขณะเกิดการละเมิดตามมาตรา  63 หรือมาตรา  64 ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย 

มาตรา  67 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่วัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นอันขาดอายุความเมื่อพ้นสามปีนับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหาย
รู้ถึงการเสียหายความเป็นวัตถุอันตราย และผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ถ้ามีการเจรจาเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนที่พึงจ่ายระหว่างผู้ที่เข้าใจ 
กันว่าต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนและผู้มีสิทธิ์ได้ค่าสินไหมทดแทน ให้อายุความสะดุดหยุดอยู่จนกว่า จะปรากฏว่าการเจรจานั้น ไม่อาจ ตกลงกันได้ 

มาตรา  68 ผู้ที่ต้องรับผิดตามมาตรา  63 มาตรา  64 มาตรา  65 หรือมาตรา  66 ที่ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายแล้ว ย่อม มีสิทธิไล่เบี้ยเอากับผู้ที่ส่งมอบวัตถุอันตรายให้แก่ตน หรือแก่ผู้ซึ่งทำงานให้แก่ตน และบรรดาผู้ที่มีส่วนในการส่งมอบวัตถุอันตรายดังกล่าว
ในลำดับต่างๆ  ถัดขึ้นไปคนหนึ่งคนใดหรือหลายคนก็ได้ไปจนถึงผู้ผลิต โดยต้องใช้สิทธิไล่เบี้ยภายในสามปีนับแต่วันที่ตนได้ชำระค่าสินไหม
ทดแทน แต่ถ้าผู้ใช้สิทธิไล่เบี้ยนั้นเป็นผู้ที่จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ เกิดการละเมิดขึ้น ผู้นั้นจะมีสิทธิไล่เบี้ยเฉพาะส่วนที่เกินจาก
ความรับผิดโดยเฉพาะของตนเท่านั้น 

มาตรา  69 ในกรณีที่วัตถุอันตรายก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือสิ่งแวดล้อมถ้ารัฐได้รับความเสียหายเพราะต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในการ เข้าช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย บำบัด บรรเทา หรือ ขจัดความเสียหายให้เกิดการคืนสู่สภาพเดิมหรือ สภาพที่ใกล้เคียงกับสภาพเดิม
หรือเป็นความเสียหาย ต่อทรัพย์ไม่มีเจ้าของ หรือทรัพยากรธรรมชาติ หรือเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สินของแผ่นดินเมื่อได้ รับคำร้องขอ
จากหน่วยงานที่ใบรับมอบหมายให้รับผิดชอบวัตถุอันตรายดังกล่าว ให้พนักงานอัยการมี อำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน
เพื่อความเสียหายของรัฐดังกล่าวได้   

 

หมวด  4
บทกำหนดโทษ 

______________  

มาตรา  70 ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคำ หรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุใดๆ ตามที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการสั่งตามมาตรา  14 หรือที่พนักงาน
เจ้าหน้าที่มีหนังสือเรียกตามมาตรา  54 (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  71 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา  21 มาตรา  22 วรรคสาม มาตรา  41 หรือมาตรา  43 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  72 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  22 วรรคหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา  22 วรรคสอง หรือ ตามมาตรา  23 วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  73 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  23 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่ เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  74 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  43 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่ เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 
ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทของผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ใน ครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าว ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินแปดแสนบาท 

มาตรา  75 ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา  45 (1) หรือมาตรา  45 (5) สำหรับกรณีเพิกถอนทะเบียนเพราะอาจเกิดอันตรายโดยไม่มีวิธีปกติ
ตามควรที่จะป้องกันได้ ถ้าเป็นการกระทำเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่  3 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทของผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าว ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท 

มาตรา  76 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  45 (2) หรือมาตรา  45 (5) สำหรับกรณีเพิกถอนทะเบียน เพราะไม่มีประโยชน์ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ ถ้าเป็นการกระทำเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่  3 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำโดยประมาทของผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าว ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกินสี่แสนบาท 

มาตรา  77 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  45 (3) ถ้าเป็นการกระทำเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่  3 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับ ไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำโดยประมาท ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกิน แปดหมื่นบาท 

มาตรา  78 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา  45 (4) ถ้าเป็นการกระทำเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่  3 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน สามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  79 ถ้าการกระทำตามมาตรา  75 มาตรา  76 มาตรา  77 หรือมาตรา  78 เกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่  2 ผู้กระทำต้องระวางโทษ สองในสามของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าว 

มาตรา  80 ถ้าการกระทำตามมาตรา  75 มาตรา  76 มาตรา  77 หรือมาตรา  78 เกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่  1 ผู้กระทำต้องระวางโทษ กึ่งหนึ่งของโทษที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าว 

มาตรา  81 ผู้ได้รับใบอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา  30 หรือมาตรา  31 ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท 

มาตรา  82 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับ
วัตถุอันตราย ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่นทำ หรือใช้ฉลาก ที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า อาจก่อให้เกิด
ความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับถ้าผู้กระทำความผิดตาม
วรรคหนึ่งกระทำผิดซ้ำอีกภายในหกเดือนนับแต่วันกระทำความผิด ครั้งก่อน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี 
หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  83 ผู้ใดขายวัตถุอันตรายโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากไม่ถูกต้องหรือขายวัตถุอันตรายที่มีฉลากที่
คณะกรรมการสั่งเลิกใช้ หรือให้แก้ไขตามมาตรา  50 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำโดยประมาท ผู้กระทำต้องระวางโทษปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง
เป็นการกระทำของ ผู้ผลิต หรือผู้นำเข้าผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ     

  
มาตรา  84
ผู้ใดโดยเจตนาหรือโดยประมาทรับจ้างทำฉลากที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ รับจ้างติดตรึงฉลากที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือรับจ้างทำลายส่วนอันเป็นสาระสำคัญของฉลากที่ ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับวัตถุอันตรายอย่างหนึ่งอย่างใดตามความในหมวด  2 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  85 ผู้ใดไม่ปฎิบัติตามมาตรา  52 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา  86 ผู้ใดไม่อำนวยความสะดวกตามสมควรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฎิบัติการตามมาตรา  54 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท 

มาตรา  87 ในกรณีที่ศาลพิจารณาลงโทษบุคคลใดในความผิดตามมาตรา  71 หรือมาตรา  72 และเป็นกรณีที่มีการยกเว้นไม่ต้อง ได้รับใบอนุญาต  ถ้ามีพฤติการณ์ให้เห็นว่าบุคคลกล่าวอาจจะกระทำความผิดเช่นนั้นอีก ศาลจะสั่งไว้คำพิพากษา ห้ามการประกอบการเกี่ยวกับวัตถุอันตราย มีกำหนดเวลาไม่เกินห้าปีนับแต่วันพ้นโทษไปแล้วก็ได้ 

มาตรา  88 วัตถุอันตรายที่ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัตินี้ ภาชนะของวัตถุอันตรายดังกล่าว เครื่องมือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง หรือทรัพย์สินใดบรรดาที่ศาลมีคำพิพากษาให้ริบ ให้ส่งมอบแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบควบคุมวัตถุอันตราย
ดังกล่าวเพื่อทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควรต่อไป
            ในกรณีที่ต้องทำลายให้ศาลมีคำส่งในคำพิพากษาให้เจ้าของชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้แก่ทางราชการด้วย 

มาตรา  89 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือมีโทษปรับสถานเดียว ให้คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการมอบหมายมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้  
        ในกรณีที่มีการยึดหรืออายัดของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ผู้มีอำนาจเปรียบเทียบปรับ
ตามวรรคหนึ่งจะเปรียบเทียบปรับได้ต่อเมื่อ
  (1) ในกรณีที่อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ เมื่อผู้กระทำความผิดยินยอมและได้แก้ไขของกลางที่อายัดไว้ให้ถูกต้อง 
(2) ในกรณีที่ไม่อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้เมื่อผู้กระทำความผิดยินยอมให้ของกลางที่ยึดหรืออายัดไว้ ตกเป็นของหน่วยงาน
ที่รับผิดชอบควบคุมวัตถุอันตรายดังกล่าว   
           ในกรณีที่ผู้ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับได้แก้ไขของกลางให้ถูกต้องแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ถอนการอายัดของกลางนั้นเสีย
บรรดาสิ่งของที่ตกเป็นของหน่วยงานที่รับผิดชอบควบคุมวัตถุอันตรายดังกล่าวให้จัดการตามระเบียบตามที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกำหนด   

 

บทเฉพาะกาล 
______________  

มาตรา  90 คำขออนุญาตใดๆที่ได้ยื่นไว้ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษและยังอยู่ระหว่าง พิจารณาให้ถือเป็นคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
 โดยอนุโลม ในกรณีที่คำขออนุญาตมีข้อแตกต่างไปจากคำขออนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้    ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตมีอำนาจสั่งให้แก้ไขเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ 

มาตรา  91 ใบอนุญาตและใบสำคัญการขึ้นทะเบียนที่ออกให้แก่บุคคลใดๆ ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงใช้ได้ต่อไปจนสิ้นอายุที่กำหนดไว้ 

มาตรา  92 ให้ทบทวนบรรดาวัตถุหรือสิ่งอื่นใดที่มีการประกาศกำหนดให้เป็นวัตถุมีพิษธรรมดา และวัตถุมีพิษร้ายแรงตามกฎหมาย ว่าด้วย
วัตถุมีพิษ และดำเนินการออกประกาศกำหนดเป็นวัตถุ อันตรายชนิดที่  1 ชนิดที่  2 ชนิดที่  3 หรือชนิดที่  4 ตามพระราชบัญญัตินี้ให้แล้วเสร็จ
ภายในหกเดือนนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในระหว่างที่การดำเนินการตาม วรรคหนึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ให้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ว่าด้วยวัตถุมีพิษยังคงใช้บังคับต่อไปได้ เว้นแต่บทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการ วัตถุมีพิษให้ใช้บทบัญญัติ เกี่ยวกับคณะกรรมการวัตถุอันตราย
ตามพระราชบัญญัตินี้แทน และให้การต่างๆ ตามพระราชบัญญัติ นี้มีผลใช้บังคับได้ทันทีเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษ 

มาตรา  93 บรรดากฎกระทรวงและประกาศที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษให้คงใช้ บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัด หรือแย้งกับบทแห่ง พระราชบัญญัตินี้    

 

 

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 
อานันท์ ปันยารชุน 
นายกรัฐมนตรี    


หมายเหตุ :-เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ โดยที่ปรากฏว่าในปัจจุบันมีการนำวัตถุอันตรายมาใช้ในกิจการประเภทต่างๆ
เป็นจำนวนมากและวัตถุอันตรายบางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ และสิ่งแวดล้อมได้แม้ว่าในขณะนี้ 
จะมีกฎหมายที่ใช้ควบคุมทวัตถุที่ก่อให้เกิดอันตรายอยู่บ้างแล้วก็ตาม  แต่ก็มีอยู่หลายฉบับและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหลายกระทรวง ทบวง กรมซึ่งกฎหมายเท่านั้นได้ออกมาต่างยุคต่างสมัยกัน ทำให้มีบทบัญญัติที่แตกต่างกันและยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ สมควรปรับปรุงกฎหมาย
ว่าด้วยวัตถุมีพิษโดยขยายขอบเขตให้ครอบคลุมวัตถุอันตรายต่างๆทุกชนิดและกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการควบคุม  วัตถุอันตราย
ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นพร้อมกับจัดระบบบริหารให้มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกันกับการควบคุมดูแลวัตถุอันตราย
ดังกล่าวด้วย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้     

    


    อัตราค่าธรรมเนียมต่างๆตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 

(1) ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย    

ฉบับละ  2,000 บาท 

(2) ใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตราย     

ฉบับละ  500 บาท  

(3) ใบอนุญาตนำเข้าวัตถุอันตราย     

ฉบับละ  500 บาท 

(4) ใบอนุญาตส่งออกวัตถุอันตราย     

ฉบับละ  500 บาท 

(5) ใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย     

ฉบับละ  500 บาท 

(6) ใบอนุญาตนำเข้าตัวอย่างวัตถุอันตราย     

ฉบับละ  500 บาท  

(7) ใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย     

ฉบับละ  1,000 บาท 

(8) ใบแทนใบอนุญาต     

ฉบับละ  200 บาท 

(9) การต่ออายุใบอนุญาตครั้งละเท่ากับ    ค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตแต่ละประเภท     

     

อัตราค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับใบอนุญาตต่างๆ

1.ผู้ผลิตวัตถุอันตราย ชนิดที่ 2 และหรือชนิดที่ 3 
 - ปริมาณรวมกันตั้งแต่ 500 กิโลกรัมหรือ 500 ลิตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 เมตริกตัน อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 2,500 บาท/ปี
 - ปริมาณรวมกันตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไป อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 5,000 บาท/ปี

2.ผู้นำเข้า ผู้ส่งออกวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 และหรือชนิดที่ 3 
 - ปริมาณการนำเข้า ส่งออก รวมกันตั้งแต่ 500 กิโลกรัมหรือ 500 ลิตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 เมตริกตัน อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 2,500 บาท/ปี
 - ปริมาณการนำเข้า ส่งออก รวมกันตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไป อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 5,000 บาท/ปี

3.ผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 และหรือชนิดที่ 3
 - ปริมาณรวมตั้งแต่ 1 เมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง 10 เมตริกตัน หรือใช้พื้นที่เฉพาะในส่วนของการเก็บรักษา ตั้งแต่ 50  ตารางเมตรขึ้นไป
แต่ไม่ถึง 500 ตารางเมตร อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 2,500 บาท/ปี
 - ปริมาณรวมตั้งแต่ 10  เมตริกตันขึ้นไป แต่ไม่ถึง 100  เมตริกตัน หรือใช้พื้นที่เฉพาะในส่วนของการเก็บรักษา  ตั้งแต่ 500 
ตารางเมตรขึ้นไป  แต่ไม่ถึง 1,000 ตารางเมตร อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 5,000 บาท/ปี
 - ปริมาณรวมตั้งแต่ 100  เมตริกตันขึ้นไป หรือใช้พื้นที่เฉพาะในส่วนของการเก็บรักษา  ตั้งแต่ 1,000  ตารางเมตรขึ้นไป 
อัตราค่าธรรมเนียมรายปี = 10,000 บาท/ปี

หมายเหตุปริมาณรวม=หมายถึงปริมาณที่ได้รับอนุญาตจากใบอนุญาต   ทุกใบรวมกัน

กรณีที่ผู้ประกอบการมีใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งฯนำเข้าส่งออกผลิตหลายใบการคิดค่าธรรมเนียมรายปีให้นำปริมาณที่ได้รับอนุญาตหรือปริมาณ
ที่ได้รับแจ้งไว้ทุกใบรวมกัน เป็นปริมาณสูงสุดที่ผู้ประกอบการจะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้
 
     ปริมาณทุกใบรวมกันไม่ถึง 10 เมตริกตัน            = 2,500 บาท/ปี    
     ปริมาณทุกใบรวมกันตั้งแต่ 10 เมตริกตันขึ้นไป   = 5,000 บาท/ปี

ทั้งนี้ไม่รวมกับการมีใบรับแจ้งฯและใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย จะต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปี แยกต่างหากตาม ข้อ 3.


        BACK